ธุรกิจสังกัดไลฟ์สตรีมเมอร์ กำไรดีจริงไหม?

Post on ตุลาคม 17, 2025
ธุรกิจสังกัดไลฟ์สตรีมเมอร์ กำไรดีจริงไหม?

ธุรกิจสังกัดไลฟ์สตรีมเมอร์ กำไรดีจริงไหม?

เปิดหมดเปลือกทุกข้อมูลสู่รายได้หลักแสนต่อเดือน พร้อมวิธีเริ่มต้นอย่างไรไม่ให้ล้มเหลว

สำหรับทุกท่านที่กำลังสนใจในธุรกิจสังกัดไลฟ์สตรีมเมอร์

ฟันธงเลยว่า: ด้วยความรู้และกลยุทธ์ที่ถูกต้อง ธุรกิจนี้สามารถ “ทำกำไรได้อย่างมหาศาล” ครับ
แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นความจริงที่ว่ามีคนจำนวนมากต้องล้มเลิกกลางทาง
เพราะหลงเชื่อข้อมูลผิวเผินที่บอกว่า “การทำสังกัดเป็นเรื่องง่าย”

ผม ชิน ในฐานะผู้ที่เคยเป็นทั้งไลฟ์สตรีมเมอร์และปัจจุบันเป็นผู้ดูแลโครงการ Agency Partner โดยตรง
จะขอมาตีแผ่เบื้องหลังของวงการนี้ทั้งหมด ตั้งแต่โครงสร้างรายได้ที่แท้จริง
ไปจนถึง “เคล็ดลับสำคัญ” ที่คุณจำเป็นต้องรู้เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ

เมื่อคุณอ่านบทความนี้จบ คุณจะเข้าใจ 3 ประเด็นหลักนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง:

  • โมเดลรายได้ที่แท้จริง ของสังกัดทั้ง 2 รูปแบบ (โมเดลพาร์ทเนอร์ และ การจัดตั้งบริษัท) พร้อมเส้นทางที่เป็นรูปธรรมสู่ รายได้หลักแสนต่อเดือน
  • เหตุผลที่การเลือกแพลตฟอร์มโดยดูแค่ “ส่วนแบ่งรายได้สูง” มีโอกาส ล้มเหลวถึง 99% พร้อม 7 กฎเหล็ก ในการเลือกพาร์ทเนอร์ที่ไว้ใจได้
  • เผยเคล็ดลับ “เพียงข้อเดียว” จากประสบการณ์ตรงที่ผมใช้ปั้นไลฟ์สตรีมเมอร์มามากมาย ซึ่งเป็น หัวใจสำคัญที่สุด ในการสร้างสังกัดให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน

ถึงเวลาเลิกหลงทางไปกับข้อมูลผิวเผินได้แล้วครับ หากคุณคือคนที่
“ตั้งใจจริง” ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง
ผมก็พร้อมจะเปิดเผยทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เช่นกัน

ผมขอตอบคำถามสำคัญที่สุดนี้ก่อนเลยครับ คำตอบคือ มีทั้ง ใช่ และ ไม่ใช่
หากคุณก้าวเข้ามาในธุรกิจนี้ด้วยความเข้าใจเพียงผิวเผินและความมุ่งมั่นที่ไม่มากพอ
บอกได้เลยว่าโอกาสล้มเหลวสูงมากครับ แต่ในทางกลับกัน
สำหรับผู้ที่เข้าใจถึงศักยภาพที่แท้จริงของตลาด และมุ่งมั่นลงมือทำในสิ่งที่จำเป็นอย่างต่อเนื่อง
ธุรกิจนี้ก็ถือเป็นโอกาสที่น่าดึงดูดและมีอนาคตไกลอย่างมหาศาลเช่นกัน

ทำไมธุรกิจสังกัดไลฟ์สตรีมเมอร์จึงน่าสนใจอย่างยิ่งในปัจจุบัน?
ภาพรวมการเติบโตและศักยภาพในอนาคตของตลาด

คุณทราบหรือไม่ว่าตลาดไลฟ์สตรีมมิ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วเพียงใด?

ตลาดไลฟ์สตรีมมิ่งมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องทุกปี และแนวโน้มนี้คาดว่าจะดำเนินต่อไปอย่างแข็งแกร่งในอนาคต
นี่ไม่ใช่เพียงกระแสที่เกิดขึ้นชั่วครั้งชั่วคราว แต่เป็นผลมาจากการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีการสื่อสาร
โดยเฉพาะการมาถึงของ 5G ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงค่านิยมของผู้คนที่มองหารูปแบบการสื่อสารและความบันเทิงใหม่ๆ
ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของตลาด

ในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้ บทบาทของสังกัดไลฟ์สตรีมเมอร์ในการ ค้นหา, ฟูมฟัก และสนับสนุน
ผู้ที่มีพรสวรรค์จึงทวีความสำคัญมากขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นั่นหมายความว่า
ธุรกิจนี้มี ศักยภาพในอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด

สองเส้นทางสู่ความสำเร็จ: โมเดล ‘พาร์ทเนอร์’ และโมเดล ‘จัดตั้งบริษัท’

ในการร่วมงานกับ Vibie คุณสามารถเลือกเส้นทางสู่ความสำเร็จได้ 2 รูปแบบหลัก:
การเริ่มต้นแบบ ‘พาร์ทเนอร์’ หรือการยกระดับเป็น ‘บริษัทสังกัด’ ที่ทำงานร่วมกับเรา

ซึ่งแต่ละเส้นทางก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนั้นคุณจำเป็นต้องเปรียบเทียบและพิจารณาอย่างรอบคอบ
เพื่อเลือกเส้นทางที่เหมาะสมกับเป้าหมายและสถานการณ์ของคุณมากที่สุด

หัวข้อเปรียบเทียบโมเดลพาร์ทเนอร์ (เอเจนซี่)โมเดลจัดตั้งบริษัท
ต้นทุนเริ่มต้นต่ำ (ตั้งแต่ 0 จนถึงหลักแสน)สูง (ตั้งแต่หลักล้านขึ้นไป)
ความเสี่ยงความเสี่ยงต่ำความเสี่ยงสูง
ศักยภาพในการทำกำไรผลตอบแทนระดับกลางผลตอบแทนสูง
ขอบเขตของงานเน้นการค้นหาและดูแลไลฟ์สตรีมเมอร์เป็นหลักการบริหารจัดการรอบด้าน (รวมถึงกฎหมายและบัญชี)
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นเป็นอาชีพเสริมและต้องการลดความเสี่ยงผู้ที่มีประสบการณ์ด้านบริหารและต้องการตัดสินใจทุกอย่างด้วยตนเอง

จากตารางเปรียบเทียบจะเห็นได้ว่า ผมขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนส่วนใหญ่
โดยเฉพาะท่านที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป หรือมองหาโอกาสในการทำเป็นอาชีพเสริม
ให้เริ่มต้นจากโมเดล ‘พาร์ทเนอร์’ (เอเจนซี่) ก่อนครับ

นิยามของคำว่า ‘ทำกำไรได้’ ที่คนเริ่มต้นส่วนใหญ่มักเข้าใจผิด

[ มุมมองจากใจของผม: ชิน ]

ในมุมมองของผม คำว่า ‘ทำกำไรได้’ ไม่ใช่แค่การสร้างรายรับที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวแล้วจบไป
แต่มันคือการเติบโตไปพร้อมกับไลฟ์สตรีมเมอร์ในสังกัดของเรา คือการใส่ใจและเข้าใจในชีวิตของพวกเขา
และท้ายที่สุดคือการสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนร่วมกัน

ไลฟ์สตรีมเมอร์ไม่ใช่ ‘สินค้า’ พวกเขาคือมนุษย์ที่มีชีวิตและมีความรู้สึก สังกัดใดก็ตามที่ลืมข้อนี้ไป
และมองแต่ผลกำไรระยะสั้นหรืออัตราส่วนแบ่งรายได้เป็นที่ตั้ง
จะไม่สามารถอยู่รอดในวงการนี้ได้อย่างแน่นอนในบทความนี้
ผมจึงจะมาแบ่งปันมุมมองที่สำคัญที่สุดจากประสบการณ์ทั้งหมดของผม
ที่จะทำให้คุณสามารถ ‘สร้างรายได้’ ได้อย่างยั่งยืนและแท้จริง

นับจากนี้ไป เราจะมาเจาะลึกในรายละเอียดของทางเลือกที่เป็นจริงได้มากที่สุดสำหรับคุณ
นั่นคือโมเดล “พาร์ทเนอร์” ครับ

เราจะไม่ใช้คำพูดสวยหรูที่ว่า “ใครๆ ก็ทำได้ง่ายๆ” ที่คุณอาจเคยเห็นจากที่อื่น
เพราะทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้ถูกรวบรวมไว้ในที่นี้แล้ว ตั้งแต่โครงสร้างรายได้ที่แท้จริงของธุรกิจ
ไปจนถึงกฎเหล็กในการเลือกบริษัทแม่ที่จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของคุณ

สังกัดไลฟ์สตรีมเมอร์คืออะไร? ความสัมพันธ์กับบริษัทแม่และโมเดลการสร้างรายได้

กล่าวโดยสรุปคือ ธุรกิจสังกัดไลฟ์สตรีมเมอร์ คือธุรกิจที่ดำเนินงานในฐานะ
‘พาร์ทเนอร์’ ของแพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมเมอร์ (ซึ่งเราจะเรียกว่า ‘บริษัทแม่’)
โดยทำหน้าที่ในนามของบริษัทแม่ในการค้นหา, ฝึกฝน และบริหารจัดการไลฟ์สตรีมเมอร์

คุณจะสามารถมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนไลฟ์สตรีมเมอร์ของคุณได้อย่างเต็มที่
ในขณะที่สามารถใช้ประโยชน์จากทั้งพลังของแบรนด์, องค์ความรู้ด้านการฝึกอบรม
และความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งกับแพลตฟอร์มต่างๆ ที่บริษัทแม่มีอยู่
ข้อดีนี้ทำให้คุณสามารถก้าวเข้าสู่ธุรกิจไลฟ์สตรีมเมอร์ได้โดยไม่ต้องแบกรับ
ความเสี่ยงของการเริ่มต้นสร้างธุรกิจใหม่ทั้งหมดด้วยตัวเอง

ขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบของพาร์ทเนอร์: ตั้งแต่การค้นหาไลฟ์สตรีมเมอร์ไปจนถึงการให้คำปรึกษา

หน้าที่หลักของพาร์ทเนอร์ (เอเจนซี่) มีดังต่อไปนี้:

  • การค้นหาและทาบทามไลฟ์สตรีมเมอร์: ใช้โซเชียลมีเดียและช่องทางต่างๆ เพื่อค้นหาผู้ที่มีแววและมีพรสวรรค์
  • การทำสัญญาและขั้นตอนการรับเข้าสังกัด: ดำเนินการด้านเอกสารสัญญากับไลฟ์สตรีมเมอร์ให้เป็นไปตามข้อบังคับและแนวทางของบริษัทแม่
  • การฝึกอบรมในช่วงเริ่มต้น: ให้ความรู้เกี่ยวกับพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการไลฟ์สตรีม และเทคนิคการสื่อสารกับกลุ่มแฟนคลับ
  • การให้คำปรึกษาและสนับสนุนระหว่างไลฟ์: ให้การสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ อย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่การจัดการตารางไลฟ์ในแต่ละวัน, การวางแผนกลยุทธ์เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ไปจนถึงการให้คำปรึกษาเมื่อเกิดปัญหาหรือข้อกังวลใจ
  • การทำงานร่วมกับบริษัทแม่: รายงานสถานะและผลการดำเนินงานของไลฟ์สตรีมเมอร์ให้บริษัทแม่ทราบ และทำงานร่วมกันเพื่อกำหนดนโยบายและทิศทางการพัฒนา

เจาะลึกโครงสร้างค่าตอบแทน: ของ พาร์ทเนอร์ และไลฟ์สตรีมเมอร์

สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณต้องทราบคือระบบค่าตอบแทน เรามาทำความเข้าใจกันว่า
‘ของขวัญ (Gift)’ ที่แฟนคลับมอบให้ไลฟ์สตรีมเมอร์นั้น ถูกจัดสรรอย่างไร

[ตัวอย่างการจัดสรรส่วนแบ่งเมื่อมีของขวัญมูลค่า 10,000 บาท]

  1. แฟนคลับส่งของขวัญมูลค่า 10,000 บาท
  2. การจ่ายส่วนแบ่งให้ไลฟ์สตรีมเมอร์
    • อัตราส่วนแบ่งจะขึ้นอยู่กับสัญญา แต่หากสมมติว่าไลฟ์สตรีมเมอร์ได้รับส่วนแบ่งที่ 40% ค่าตอบแทนของไลฟ์สตรีมเมอร์จะเท่ากับ 10,000 บาท x 40% = 4,000 บาท
  3. การจัดสรรระหว่างบริษัทแม่และพาร์ทเนอร์ (เอเจนซี่)
    • ยอดที่เหลือจะถูกนำมาจัดสรรระหว่างบริษัทแม่และพาร์ทเนอร์ ซึ่งอัตราการจัดสรรส่วนนี้ (ค่าคอมมิชชั่นของเอเจนซี่) จะเป็นพื้นฐานรายรับของคุณ

[จำลองสถานการณ์] โมเดลรายรับต่อเดือนที่เป็นจริงได้สำหรับเจ้าของเอเจนซี่

แล้วคุณจะสามารถคาดหวังรายรับได้มากน้อยเพียงใด? เรามาลองจำลองสถานการณ์โดยใช้ตัวเลขที่เป็นจริงกันครับ

กรณีที่ 1: โมเดลการสร้างรายรับ 30,000+ บาทต่อเดือนอย่างมั่นคงในฐานะอาชีพเสริม

  • จำนวนไลฟ์สตรีมเมอร์: 5 คน
  • ยอดของขวัญเฉลี่ยต่อคน: 100,000 บาท/เดือน
  • ยอดของขวัญรวม: 500,000 บาท
  • ส่วนแบ่งของไลฟ์สตรีมเมอร์ (สมมติ 40%): 200,000 บาท
  • รายรับต่อเดือนของคุณ (สมมติค่าคอมมิชชั่น 10%): 500,000 บาท x 10% = 50,000 บาท

การตั้งเป้าหมายที่ระดับนี้ก่อนถือเป็นเรื่องที่เป็นจริงได้มากครับ
เพียงแค่คุณดูแลและสนับสนุนไลฟ์สตรีมเมอร์ทั้ง 5 คนอย่างจริงจัง
คุณก็สามารถสร้างรายรับที่น่าพอใจในฐานะอาชีพเสริมได้แล้ว

กรณีที่ 2: โมเดลรายรับตั้งเป้าหมาย 150,000 – 300,000 บาทต่อเดือนเป็นธุรกิจหลัก

จำนวนไลฟ์สตรีมเมอร์: 20 คน

  • แบ่งเป็น, กลุ่ม Top Tier (ยอดของขวัญ > 300,000/เดือน): 3 คน
  • แบ่งเป็น, กลุ่ม Middle Tier (ยอดของขวัญ 100,000/เดือน): 10 คน
  • แบ่งเป็น, กลุ่ม Development (ยอดของขวัญ 30,000/เดือน): 7 คน

ยอดของขวัญรวม: (900,000 + 1,000,000 + 210,000) = 2,110,000 บาท
ส่วนแบ่งของไลฟ์สตรีมเมอร์ (สมมติ 40%): 844,000 บาท
รายรับต่อเดือนของคุณ (คำนวณแบบเดียวกัน): ประมาณ 211,000 บาท
หากคุณสามารถฝึกฝนไลฟ์สตรีมเมอร์ระดับ Top Tier ขึ้นมาได้เพียงไม่กี่คน
การจะก้าวข้ามกำแพงรายได้ 150,000 บาทต่อเดือนก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริง
ยิ่งไปกว่านั้น หากไลฟ์สตรีมเมอร์ที่คุณดูแลกลายเป็นระดับท็อปของแพลตฟอร์ม
คุณอาจได้รับโบนัสพิเศษเพิ่มเติม และรายได้หลักหลายแสนบาทต่อเดือนก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝันครับ

Case Study จากประสบการณ์ของผม: พนักงานออฟฟิศธรรมดาสู่พาร์ทเนอร์นักปั้นมือทอง

พาร์ทเนอร์เอเจนซี่ท่านหนึ่งของผม เดิมทีเป็นพนักงานบริษัทธรรมดาคนหนึ่งครับ
เขาเริ่มต้นด้วยการดูแลไลฟ์สตรีมเมอร์เพียง 2 คน

แต่สิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่นคือ เขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึง
‘แนวคิดและแนวทางการปฏิบัติของไลฟ์สตรีมเมอร์ที่ประสบความสำเร็จ’
และแทนที่จะพึ่งพาแค่เทคนิคผิวเผิน เขาเลือกที่จะทุ่มเทเวลาอย่างมากให้กับการดูแลสภาพจิตใจ
และการวางเป้าหมายร่วมกับไลฟ์สตรีมเมอร์

ผลลัพธ์คือ ไลฟ์สตรีมเมอร์ที่เขาดูแลเริ่มสร้างผลงานโดดเด่นขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจลาออกจากงานประจำหลังจากเริ่มงานเอเจนซี่ได้เพียง 1 ปี
ปัจจุบัน เขากลายมาเป็นพาร์ทเนอร์คนสำคัญที่ร่วมพัฒนากลยุทธ์ไลฟ์สตรีมเมอร์หน้าใหม่

ความสำเร็จของเขาเป็นผลลัพธ์โดยตรงจากการปฏิบัติต่อไลฟ์สตรีมเมอร์ในฐานะ
‘มนุษย์คนหนึ่ง’ และดูแลพวกเขาด้วยความจริงใจ ซึ่งเป็นหลักการที่ผมเน้นย้ำอยู่เสมอครับ

[มุมมองจากผู้บริหาร] 7 กฎเหล็กในการเลือกบริษัทแม่ (Headquarters) ที่จะพาคุณไปสู่ความสำเร็จ

ความสำเร็จในธุรกิจเอเจนซี่ของคุณ 99% ถูกตัดสินตั้งแต่ตอนที่คุณเลือก ‘บริษัทแม่’
ที่จะร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ด้วยแล้วครับ จากประสบการณ์ของผม
ผมจะมาแบ่งปันวิธีมองให้ออกถึงปัจจัยสำคัญที่ไม่มีทางหาอ่านได้จาก ‘ลิสต์แนะนำเอเจนซี่’ ทั่วๆ ไป

กฎเหล็กข้อที่ 1: อย่าหลงกลตัวเลขส่วนแบ่งรายได้! แต่จงมองหา ‘ความชัดเจน’ ของ ‘ระบบสนับสนุนการพัฒนา’

“เราให้ส่วนแบ่งรายได้สูง” คือคำพูดติดปากของเอเจนซี่ที่อาจจะไม่มีอะไรดี
สิ่งที่สำคัญกว่าคือ ‘รายละเอียดเชิงลึก’ ของระบบสนับสนุนที่อยู่เบื้องหลังตัวเลขเหล่านั้น ครับ

[ความเห็นเพิ่มเติมจากผม: ชิน]

ใครๆ ก็พูดได้ว่า “เราจะสนับสนุนคุณ” แต่สิ่งที่คุณต้องมองหาคือความละเอียดของคำว่า
‘อะไร’, ‘เมื่อไหร่’, ‘ใคร’, และ ‘อย่างไร’ ของการสนับสนุนนั้น

ตัวอย่างเช่น ที่ Vibie เรามีการจัดอบรมกลยุทธ์สำหรับสตรีมเมอร์หน้าใหม่ทุกสัปดาห์
โดยมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล, มีแคมเปญและกิจกรรมส่งเสริมรายได้ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างรายได้ที่ชัดเจน และ มีโครงสร้างโบนัสพิเศษและการันตีรายได้ที่ระบุไว้ในสัญญา
เพื่อสร้างความมั่นคงและลดความกังวลให้กับ VJ ทั้งหมด
นี้คือรูปแบบการสนับสนุนที่เป็นรูปธรรมที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริง

ดังนั้น คุณต้องถามคำถามเหล่านี้กับบริษัทที่คุณกำลังพิจารณาเป็นพาร์ทเนอร์ให้ได้:

  • หลักสูตรการฝึกอบรมสำหรับคนใหม่มีเนื้อหาที่เป็นรูปธรรมอย่างไรบ้าง?
  • มีแผนสนับสนุนที่เป็นรูปธรรมอย่างไรเมื่อการเติบโตของสตรีมเมอร์เริ่มชะงัก?
  • มีการจัดอีเวนต์ของทางแพลตฟอร์มเองบ่อยแค่ไหน?

หากบริษัทไหนไม่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนและกระตือรือร้น
คุณก็ไม่ควรเลือกพวกเขาเป็นพาร์ทเนอร์

กฎเหล็กข้อที่ 2: ดูที่ “คุณภาพ” และ “ระยะเวลาที่ร่วมงานกัน” ของไลฟ์สตรีมเมอร์ระดับท็อป ไม่ใช่แค่จำนวน

การมีไลฟ์สตรีมเมอร์ระดับท็อปในสังกัดจำนวนมากอาจดูน่าดึงดูดใจในแวบแรก
แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ “คุณภาพ” และ “ระยะเวลาที่ร่วมงานกัน” ครับ
มีเอเจนซี่จำนวนไม่น้อยที่ใช้วิธีดึงตัวไลฟ์สตรีมเมอร์ชื่อดังมาร่วมงานในระยะเวลาสั้นๆ
เพียงเพื่อใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดเท่านั้น

เอเจนซี่ที่มีความสามารถในการปั้นคนอย่างแท้จริง จะมี ประวัติการพัฒนาไลฟ์สตรีมเมอร์หน้าใหม่
ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักจนกลายเป็นระดับท็อปได้ และไลฟ์สตรีมเมอร์เหล่านั้นก็จะยังคง
ร่วมงานกับเอเจนซี่ต่อไปในระยะยาว

กฎเหล็กข้อที่ 3: ตรวจสอบความโปร่งใสของผลงานในอีเวนต์และรางวัลโบนัส

ประวัติการที่ไลฟ์สตรีมเมอร์ในสังกัดสามารถติดอันดับสูงๆ ในอีเวนต์ที่จัดโดยแพลตฟอร์ม
ถือเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญถึงแนวคิดเชิงกลยุทธ์และอิทธิพลของเอเจนซี่นั้นๆ
นอกจากนี้ ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเงื่อนไข ค่าตอบแทนพิเศษ (โบนัส)
สำหรับเอเจนซี่นั้นมีความชัดเจนและเป็นธรรม

กฎเหล็กข้อที่ 4: พิสูจน์ความกระตือรือร้นและความเชี่ยวชาญของผู้ที่มาให้ข้อมูล

ท้ายที่สุดแล้ว คนที่จะต้องทำงานกับคุณโดยตรงก็คือผู้ที่รับผิดชอบจากฝั่งบริษัทแม่
คุณต้องใช้วิจารณญาณของคุณเองเพื่อตัดสินว่าบุคคลนั้นมีความรู้ความเข้าใจใน
อุตสาหกรรมไลฟ์สตรีมมิ่งอย่างลึกซึ้ง และมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาไลฟ์สตรีมเมอร์
อย่างแท้จริงหรือไม่ หากเขาทำได้เพียงตอบคำถามของคุณตามคู่มือ
คุณจะไม่สามารถพึ่งพาเขาได้ในยามที่เกิดปัญหาแน่นอน

กฎเหล็กข้อที่ 5: ตรวจสอบรายละเอียดในสัญญาเสมอ (โควต้า, ระยะเวลาสัญญา, ค่าปรับ)

นี่คือหลักการพื้นฐานของการทำธุรกิจ แต่ก็เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวด
คุณต้องอ่านทุกตัวอักษรอย่างละเอียด โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับระยะเวลาสัญญา,
รอบการจ่ายเงิน และที่สำคัญที่สุดคือ เงื่อนไขการยกเลิกสัญญาและค่าปรับ
และต้องสอบถามในทุกประเด็นที่คุณยังไม่ชัดเจน
เพราะมีเอเจนซี่ที่ไม่หวังดีที่ใช้สัญญาเพื่อผูกมัดพาร์ทเนอร์อย่างไม่เป็นธรรมเช่นกัน

กฎเหล็กข้อที่ 6: สืบหาความสัมพันธ์กับอดีตไลฟ์สตรีมเมอร์

หากเป็นไปได้ ลองสืบหาข้อมูลว่าไลฟ์สตรีมเมอร์ที่เคยออกจากเอเจนซี่ไปในอดีตนั้น
มีความคิดเห็นต่อเอเจนซี่อย่างไร เอเจนซี่ที่มีไลฟ์สตรีมเมอร์จำนวนมากที่จากกันด้วยดี
และก้าวไปสู่เส้นทางใหม่ๆ ได้อย่างราบรื่น มักจะเป็นองค์กรที่แข็งแรงและ
ใส่ใจในเส้นทางอาชีพของไลฟ์สตรีมเมอร์อย่างแท้จริง

กฎเหล็กข้อที่ 7: ตรวจสอบคุณภาพและความสม่ำเสมอของเนื้อหาบนโซเชียลมีเดีย

โซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการของเอเจนซี่เปรียบเสมือนภาพสะท้อนทัศนคติ
และค่านิยมขององค์กร เอเจนซี่ที่ไม่ใช่แค่โปรโมตไลฟ์สตรีมเมอร์ในสังกัดซ้ำไปซ้ำมา
แต่มีการแบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมและปรัชญาในการ
ฝึกอบรมอย่างสม่ำเสมอ คือเอเจนซี่ที่ควรค่าแก่ความไว้วางใจ

5 สัญญาณอันตราย: วิธีสังเกตบริษัทแม่ที่ไม่น่าไว้วางใจ

สุดท้ายนี้ ผมจะสรุปลักษณะของบริษัทแม่ที่ไม่ดีที่คุณควรหลีกเลี่ยงให้ไกลที่สุด
หากมีข้อใดข้อหนึ่งตรงกับบริษัทแม่ที่คุณกำลังพิจารณาอยู่
ขอแนะนำให้ทบทวนการตัดสินใจทำสัญญาใหม่อย่างรอบคอบที่สุดครับ

เช็กลิสต์จับสังเกตบริษัทแม่ที่มีความเสี่ยง

หัวข้อตรวจสอบตัวอย่างสัญญาณอันตรายที่เป็นรูปธรรม
1. การโฆษณาเกินจริงมีการเน้นย้ำถึงความง่ายในการสร้างรายได้มากเกินไป เช่น
“ใครๆ ก็ทำเงินหลักล้านได้” หรือ “สร้างรายได้ได้แม้กระทั่งตอนนอนหลับ”
2. ความไม่โปร่งใสของข้อมูลที่ตั้งของบริษัทและชื่อผู้บริหารไม่ชัดเจน มีความพยายามทำให้เนื้อหาในสัญญากำกวมและตีความได้หลายแง่
3. การเรียกเก็บค่าใช้จ่ายมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น ค่าธรรมเนียมในการทำสัญญา หรือค่าฝึกอบรมที่มีราคาสูงเกินจริง
4. การตอบคำถามที่ไม่จริงใจหลีกเลี่ยงการตอบคำถามเชิงลึกเกี่ยวกับโครงสร้างค่าตอบแทนและรายละเอียดของระบบสนับสนุน
5. ชื่อเสียงในแง่ลบสามารถค้นพบรีวิวในแง่ลบจำนวนมากจากอดีตสมาชิกได้บนโซเชียลมีเดียและอินเทอร์เน็ต

โมเดล “จัดตั้งบริษัท” – เสี่ยงสูง แต่ผลตอบแทนไร้ขีดจำกัด

สำหรับผู้ที่มีความเข้าใจในธุรกิจเอเจนซี่อย่างลึกซึ้ง แต่ยังคงมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะ
‘สร้างอาณาจักรของตัวเอง’ เราจะมาอธิบายถึงเส้นทางที่เต็มไปด้วย
ความท้าทายของการ ‘จัดตั้งบริษัท’ เช่นกันครับ
เส้นทางนี้ไม่ได้ราบรื่นอย่างแน่นอน แต่ผลตอบแทนเมื่อประสบความสำเร็จนั้นก็ไร้ขีดจำกัดเช่นกัน

จดทะเบียนบริษัท (นิติบุคคล) หรือ บุคคลธรรมดา? รูปแบบการจัดตั้งและรายละเอียดต้นทุนเริ่มต้น 800,000+ บาท

เมื่อตัดสินใจจัดตั้งบริษัท สิ่งแรกที่คุณต้องเลือกคือรูปแบบการดำเนินงานว่าจะจดทะเบียนในรูปแบบ
บริษัท (นิติบุคคล) หรือจะเริ่มต้นในฐานะ กิจการเจ้าของคนเดียว
เมื่อพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือในทางธุรกิจและการวางแผนภาษีในระยะยาว
เราขอแนะนำให้เริ่มต้นด้วยการจัดตั้งเป็น บริษัท (เช่น บริษัทจำกัด) ตั้งแต่แรกครับ

ในการจัดตั้งบริษัท คุณจำเป็นต้องวางแผนสำหรับต้นทุนเริ่มต้นอย่างน้อย 800,000 บาท
โดยมีรายละเอียดค่าใช้จ่ายเบื้องต้นดังนี้:

  • ค่าจดทะเบียนบริษัท: ประมาณ 20,000 บาท
  • ค่าสัญญาเช่าสำนักงาน: ประมาณ 150,000 บาท (ค่ามัดจำ, ค่าเช่าล่วงหน้า)
  • ค่าคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไลฟ์สตรีม: ประมาณ 150,000 บาท
  • ค่าจัดทำเว็บไซต์: ประมาณ 100,000 บาท
  • เงินทุนหมุนเวียน (สำหรับ 6 เดือน): 380,000 บาทขึ้นไป

นี่เป็นเพียงตัวเลขประเมินขั้นต่ำที่สุดเท่านั้น ซึ่งในสถานการณ์ส่วนใหญ่
คุณมักจะต้องเตรียมเงินทุนให้มากกว่านี้ครับ

3 จุดบอดที่มักทำให้การสร้างบริษัทใหม่ไปไม่รอด

จากประสบการณ์ของผม มีข้อผิดพลาดร่วมกันบางประการที่มักเกิดขึ้น
กับผู้ที่ล้มเหลวในการจัดตั้งบริษัทของตนเอง

จุดบอดที่ 1: กลยุทธ์การค้นหาไลฟ์สตรีมเมอร์ขาดความยั่งยืน

“ผมรู้จักน้องคนนี้น่ารักดี ถ้าชวนมาไลฟ์น่าจะรุ่ง”
ในความเป็นจริง ธุรกิจนี้ไม่ได้ง่ายขนาดที่คุณจะประสบความสำเร็จได้ด้วยแนวคิดเพียงแค่นั้น
ต่อให้คุณสามารถหาไลฟ์สตรีมเมอร์หนึ่งหรือสองคนแรกเข้ามาได้
แต่หากคุณไม่มีระบบที่สามารถค้นหาผู้มีแววได้อย่างต่อเนื่อง สังกัดของคุณก็จะไปไม่รอดในไม่ช้า

จุดบอดที่ 2: การละเลยงานหลังบ้าน (Back Office) เช่น บัญชี, กฎหมาย และการจัดการ

งานหลังบ้านที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะทางในการบริหารสังกัดนั้นมีอยู่มากมายมหาศาล
ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาไลฟ์สตรีมเมอร์, การคำนวณและจ่ายค่าตอบแทน ไปจนถึงการจัดการด้านภาษี
การละเลยงานเหล่านี้อาจนำไปสู่ปัญหาร้ายแรงตามมาในภายหลังได้

จุดบอดที่ 3:  การเป็น “พาร์ทเนอร์ที่ถูกลืม” – ขาดการสนับสนุนเชิงกลยุทธ์

เป็นความจริงที่แพลตฟอร์มส่วนใหญ่เปิดรับเอเจนซี่หน้าใหม่แทบทุกราย
แต่นั่นกลับกลายเป็น “กับดัก” ในตัวมันเองครับ
เพราะเมื่อคุณก้าวเข้าไปในฐานะ “พาร์ทเนอร์หน้าใหม่ที่ไม่มีผลงาน”
คุณก็จะมีสถานะเป็นเพียงหนึ่งในเอเจนซี่นับร้อยนับพันที่ไร้ซึ่งอำนาจต่อรอง
แพลตฟอร์มรายใหญ่ย่อมให้ความสำคัญและมอบทรัพยากรที่ดีที่สุด,
ข้อมูลอีเวนต์เชิงลึก หรือองค์ความรู้ใหม่ล่าสุด ให้กับเอเจนซี่รายใหญ่ที่ทำเงินให้พวกเขาก่อนเสมอ

ส่งผลให้คุณเสียเปรียบในการแข่งขันอย่างมหาศาล
และต้องดิ้นรนด้วยตัวเองโดยปราศจากการสนับสนุนที่แท้จริง

แต่ปัญหานี้จะหมดไป หากคุณเลือก Vibie เป็นพาร์ทเนอร์หลัก
เพราะเรามีนโยบายที่ชัดเจนในการสนับสนุนพาร์ทเนอร์ทุกระดับอย่างใกล้ชิด
เราพร้อมมอบองค์ความรู้และกลยุทธ์อีเวนต์ต่างๆ ให้กับคุณ
เพื่อให้คุณสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างทัดเทียมตั้งแต่วันแรก

[เคล็ดลับจากประสบการณ์ของผม: สิ่งที่สำคัญที่สุดในการปั้นคน]

ส่วนที่ยากที่สุดของการเริ่มต้นสร้างเอเจนซี่คือการเฟ้นหาและฝึกฝนไลฟ์สตรีมเมอร์ได้อย่างต่อเนื่อง
จากการที่ผมได้พูดคุยกับผู้ที่อยากเป็นไลฟ์สตรีมเมอร์มามากมาย
ผมสังเกตเห็นว่าความแตกต่างที่สำคัญที่สุดในด้านแนวคิดและพฤติกรรม
ระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จกับคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ
คือ ‘ความซื่อสัตย์ต่อตนเองและความสามารถในการวิเคราะห์ตนเอง’ ครับ

ไลฟ์สตรีมเมอร์ที่ประสบความสำเร็จจะเปิดใจรับฟังคำแนะนำจากผู้จัดการ
และนำไปปรับใช้ในทันที พวกเขายังมีความสามารถในการทบทวนตัวเองหลังการไลฟ์
แต่ละครั้งว่าสิ่งไหนทำได้ดีและสิ่งไหนควรปรับปรุง เพื่อนำไปพัฒนาในการไลฟ์ครั้งต่อไป

หากคุณกำลังจะสร้างเอเจนซี่ของตัวเอง จงมองหาคุณสมบัติสองข้อนี้
เป็นสำคัญในระหว่างการค้นหาคน เพราะนี่คือปัจจัยที่สำคัญที่สุด
ที่จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของเอเจนซี่ของคุณครับ

หัวข้อ: FAQ: ถาม-ตอบ ทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับธุรกิจสังกัด VJ

ในส่วนนี้ เราจะมาตอบคำถามเชิงลึกอื่นๆ ที่ยังไม่ได้กล่าวถึงในเนื้อหาส่วนก่อนหน้าครับ

ถาม: ไม่มีประสบการณ์หรือความรู้เลย สามารถเริ่มต้นได้หรือไม่?

ตอบ: ได้อย่างแน่นอนครับ ในความเป็นจริง คนส่วนใหญ่ก็เริ่มต้นจากศูนย์เช่นกัน สิ่งสำคัญคือการใช้ประโยชน์จากระบบการฝึกอบรมและการสนับสนุนของบริษัทแม่ให้เต็มที่ ประกอบกับทัศนคติที่พร้อมจะเรียนรู้และลงมือทำอยู่เสมอ ส่วนความรู้นั้นสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ตลอดเวลาครับ

ถาม: มีวิธีการค้นหาและทาบทามไลฟ์สตรีมเมอร์อย่างไร?

ตอบ: การส่งข้อความตามเทมเพลตสำเร็จรูปไปหาทุกคนแบบเดียวกัน เช่น “ผมเป็นแฟนคลับนะครับ สนใจมาเข้าสังกัดเราไหม?” ซึ่งเป็นวิธีที่คนส่วนใหญ่มักทำกันนั้น แทบจะไม่มีโอกาสสำเร็จเลยครับ

เคล็ดลับใน ‘เทคนิคการทาบทามที่เข้าถึงใจคน’ คือ ‘การศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด’ และ ‘การเป็นผู้ให้ก่อน’ขั้นแรก คุณต้องเข้าไปชมการไลฟ์สไตล์ของคนๆ นั้นหลายๆ ครั้ง เพื่อวิเคราะห์จุดแข็งและจุดที่ควรพัฒนาของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง จากนั้นจึงยื่นข้อเสนอที่จะมอบประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมให้กับเขา เช่น “จุดแข็งของคุณในด้าน XX สามารถทำให้โดดเด่นขึ้นได้อีกด้วยองค์ความรู้ของสังกัดเรา เช่น เรามาลองทำโปรเจกต์ △△ กันดูไหมครับ?” ความกระตือรือร้นและความเฉพาะเจาะจงเช่นนี้เองที่จะสามารถเข้าถึงใจของพวกเขาได้ครับ

ถาม: ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่จึงจะเริ่มสร้างรายได้ได้?

ตอบ: ขึ้นอยู่กับความพยายามของคุณครับ แต่ในกรณีที่เร็วที่สุด คุณสามารถสร้างรายรับแรก (ประมาณ 15,000 – 30,000 บาทต่อเดือน) ได้ภายใน 3 เดือน และโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 6 เดือน การค่อยๆ ใช้เวลาและมุ่งเน้นไปที่การดูแลไลฟ์สตรีมเมอร์ทีละคนอย่างมีคุณภาพ คือทางลัดสู่ความสำเร็จที่แท้จริงครับ

ถาม: ควรเป็นสังกัดที่มีการกำหนดเป้าหมายที่เข้มงวดหรือไม่?

ตอบ: ไม่จำเป็นเสมอไปครับ จริงอยู่ที่ไม่มีไลฟ์สตรีมเมอร์คนไหนที่ก้าวขึ้นสู่ระดับท็อปได้ใน ‘สภาพแวดล้อมที่สบายๆ’ แต่สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาว่าเป้าหมายนั้นถูกตั้งขึ้นโดยคำนึงถึงการเติบโตของไลฟ์สตรีมเมอร์เป็นหลักหรือไม่ และมีระบบสนับสนุนที่คอยช่วยกันวางแผนกลยุทธ์ต่อไป มากกว่าการลงโทษเมื่อทำไม่สำเร็จหรือเปล่า

ถาม: มีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับอนาคตของเอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น เน้นเฉพาะ Vibie LIVE?

ตอบ: ผมเชื่อว่ามีศักยภาพที่สูงมากครับ การเชี่ยวชาญในแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่งโดยเฉพาะ จะทำให้คุณสามารถสั่งสมองค์ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับกลยุทธ์ความสำเร็จบนแพลตฟอร์มนั้นๆ และเปลี่ยนความเชี่ยวชาญของคุณให้กลายเป็นจุดแข็งที่เหนือกว่าคู่แข่งได้

บทสรุป: เปลี่ยนความรู้ให้เป็นการกระทำ และเริ่มต้นก้าวแรกของคุณ

ในบทความนี้ ผมได้ถ่ายทอดประสบการณ์ทั้งหมดของผมเพื่อตอบคำถามที่ว่าธุรกิจสังกัดไลฟ์สตรีมเมอร์นั้นทำกำไรได้จริงหรือไม่ และอะไรคือปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ

และสุดท้ายนี้ นี่คือเช็กลิสต์ประเด็นสำคัญที่คุณต้องจดจำไว้ให้ขึ้นใจ หากคุณตั้งใจที่จะประสบความสำเร็จอย่างจริงจัง

หากคุณต้องการสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นจริง นี่คือสิ่งที่คุณควรลงมือทำทันที

หัวข้อสิ่งที่ต้องทำ
แนวคิด (Mindset)เตรียมพร้อมที่จะ ‘เติบโตไปพร้อมกับไลฟ์สตรีมเมอร์’ มากกว่าการมองหา ‘รายได้ที่ได้มาง่ายๆ’
ความเข้าใจในโมเดลธุรกิจทำความเข้าใจในความแตกต่างระหว่างโมเดลพาร์ทเนอร์และการจัดตั้งบริษัท รวมถึงโครงสร้างรายได้อย่างถ่องแท้
การเลือกบริษัทแม่ตัดสินใจโดยพิจารณาจาก ‘ความชัดเจนของระบบสนับสนุน’ ไม่ใช่แค่จากอัตราส่วนแบ่งรายได้เพียงอย่างเดียว
กฎเหล็ก 7 ข้อเปรียบเทียบและบริษัทแม่หลายๆ แห่ง โดยใช้กฎเหล็ก 7 ข้อที่ได้อธิบายไว้ในบทความนี้เป็นเกณฑ์
การลงมือทำ (Action)อย่าเพียงแค่รวบรวมข้อมูล แต่จง ติดต่อสอบถาม ไปยังบริษัทที่คุณสนใจโดยตรง

ถึงผู้ที่มุ่งมั่นจะประสบความสำเร็จในเส้นทางนี้อย่างแท้จริง

การที่คุณอ่านบทความนี้มาจนถึงจุดนี้ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าคุณมีความมุ่งมั่นตั้งใจ
และแรงผลักดันในระดับสูงอย่างไม่ต้องสงสัย

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการค้นหา บริษัทแม่ ที่เชื่อถือได้ และกล้าที่จะเริ่มต้นก้าวแรก

หากคุณรู้สึกเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมได้แบ่งปันไปแม้เพียงเล็กน้อย
และรู้สึกว่าคุณต้องการประสบความสำเร็จในวงการนี้อย่างแท้จริง
ผมขอเชิญให้คุณลองเข้ามาพูดคุยและสัมผัสด้วยตัวเองก่อนว่า
โครงการ Agency Partner ที่ผมดูแลอยู่ที่ Vibie นั้น มีระบบสนับสนุนอย่างไร

เราจะไม่พูดว่าคุณสามารถสร้างรายได้ได้ง่ายๆ แต่เราให้สัญญาว่า
หากคุณมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง เราก็พร้อมที่จะทุ่มเทสนับสนุนคุณอย่างเต็มที่
เพื่อให้เกิดผลลัพธ์เกิน 100% เช่นกัน

ก้าวแรกของคุณสู่การเป็นพาร์ทเนอร์กับ VIBIE

ก้าวแรกที่ง่ายและชัดเจนที่สุด คือการ เพิ่มเพื่อน ใน LINE Official Account ของผม เพื่อรับ “ไกด์บุ๊คปั้นเจ้าของสังกัด ฉบับเต็ม (Full Guidebook)” ซึ่งสรุปประเด็นสำคัญทั้งหมดในบทความนี้ พร้อมข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ทันทีเมื่อคุณแอด LINE OA แล้ว ระบบจะส่งไกด์บุ๊คให้คุณโดยอัตโนมัติ และเมื่อคุณศึกษาจนพร้อม หรือมีคำถามใดๆ คุณสามารถพิมพ์ข้อสงสัยทิ้งไว้ได้เลย ผมจะเป็นผู้ตรวจสอบและตอบกลับข้อความด้วยตัวเอง เพื่อประเมินความเป็นไปได้และวางแผนกลยุทธ์ในการร่วมงานกันต่อไป

หรือคลิกที่ลิงก์นี้: https://lin.ee/1EjPoCl